ดิ อะเมซิ่ง เรซ 15 (อังกฤษ: The Amazing Race 15) เป็นฤดูกาลที่ 15 ของรายการ ดิ อะเมซิ่ง เรซ ซึ่งเป็นเกมโชว์ประเภทเรียลลิตี้โชว์ระดับรางวัลเอ็มมี 8 สมัยซ้อนทางโทรทัศน์ รายการนี้จะมีผู้เข้าแข่งขันเป็นทีมๆ ละ 2 คนซึ่งรู้จักกันมาก่อนแล้ว ทำการแข่งขันโดยเดินทางรอบโลก โดยทีมที่ชนะจะได้รับเงินรางวัล 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเกมส์โชว์ดังกล่าวเริ่มออกอากาศในสหรัฐอเมริกาทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอส ซึ่งฤดูกาลนี้จะเริ่มฉายในวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552 20:00 น. ตามเวลาในประเทศไทยทางช่อง AXN asia ซึ่งจะฉายหลังจากที่อเมริกาฉายจบไปแล้วประมาณ 14 ชั่วโมงโดยตอนแรกจะฉายด้วยความยาว 2 ชั่วโมงเต็ม
ดิ อะเมซิ่ง เรซ 15 ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 21 วัน คิดเป็นระยะทางประมาณ 25,000 ไมล์ โดยทีมจะเดินทางผ่าน 9 ประเทศ ออกตัวที่ท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิสเช่นเดียวกับฤดูกาลที่ 14 โดยแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่เดินทางไปยังด้านทิศตะวันตก โดยฤดูกาลแรกที่เดินทางไปยังทิศตะวันตกคือ ฤดูกาลที่ 10 และถัดมาด้วยฤดูกาลที่ 13 รวมถึงฤดูกาลนี้ยังเป็นการแข่งขันที่ระยะสั้นที่สุดเท่าที่เคยมีมา (ยกเว้นฤดูกาลที่ 8) ในฤดูกาลนี้จะมี 1 ทีมที่ถูกคัดออกเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยคัดออกตั้งแต่จุดเริ่มต้นและธงเหลือง-แดง ถูกเปลี่ยนเป็นธงเหลือง-ขาว อีกครั้งเมื่อทำการแข่งขันที่เวียดนามเหมือนกับในฤดูกาลที่ 3 (เหลืองล้วน) และ 10 (เหลือง-ขาว) ที่ได้เดินทางไปถ่ายทำ
ในฤดูกาลนี้เดิมทีในสมัครจะอออกมาวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 แต่แล้วก็ได้เลื่อนออกไปเป็นวันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552 ผู้สมัครเข้าแข่งขันจะมีบางทีมจาก 12 ทีมที่ถูกเลือกโดยพิธีกร จากการขี่จักรยานรอบประเทศสหรัฐอเมริกา โดยนับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ฤดูกาลที่ผ่านมานับตั้งแต่ฤดูกาลที่ 10 ที่จำนวนผู้เล่นกลับไปเป็น 12 ทีม โดยรายการมีกำหนดฉายวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2552 ตามฝังโทรทัศน์ของซีบีเอสประจำปี 09-10
ตารางแสดงชื่อ ความสัมพันธ์ของผู้แข่งขันในขณะถ่ายทำของแต่ละทีมพร้อมทั้งแสดงสถานะในการแข่งขัน ดังนี้ (ตารางนี้อาจไม่ได้แสดงข้อมูลที่ตรงกับข้อมูลที่ออกอากาศในโทรทัศน์เนื่องจากข้อมูลที่เพิ่มเข้ามาบางส่วน หรือข้อมูลที่ถูกนำออกไปบางส่วน)
หมายเหตุ 1: เอริคกับลิซ่าถูกคัดออกที่จุดเริ่มต้นของรายการในภารกิจข้อกำหนด เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถบอกตำแหน่ง หนึ่งในสิบเอ็ดป้ายทะเบียนรถยนต์ ที่มีรายละเอียดสัญลักษณ์ภาษาญี่ปุ่นในภารกิจแรกได้หมายเหตุ 2: เดิมแล้วไมก้ากับคานอนมาถึงเป็นลำดับที่ 10 แต่พวกเขาทำนักท่องเที่ยวหนึ่งคนที่จะต้องการให้มาครบทุกคนหาย พวกเขาจะต้องหานักท่องเที่ยวที่หลงทาง ก่อนที่จะเข้าเช็คอีกรอบ ซึ่งไม่ส่งผลต่อลำดับที่ของพวกเขาหมายเหตุ 3: มาเรียกับทิฟฟานี่มาถึงลำดับสุดท้ายและเป็นเลคที่ไม่มีการคัดออก พวกเธอจึงได้รับอนุญาตให้เข้าจุดหยุดพักทันที โดยถูกปรับเวลา 2 ชั่วโมงเนื่องจากทำนักท่องเที่ยวหาย 2 คนระหว่างทางมายังจุดหยุดพัก อย่างไรก็ตามเวลาที่ถูกปรับจะไปทดที่จุดเริ่มต้นของเลคถัดไปหมายเหตุ 4: คำสั่งย้อนกลับแบบไม่ต้องเปิดเผยว่าใครเป็นผู้สั่งใช้มีขึ้นในเลกนี้ เรนซ์กับเคอร์รี่ ใช้สั่งย้อนกลับ แซมกับแดน ซึ่งล่วงหน้าไปก่อนแล้วเพราะฉะนั้นคำสั่งย้อนกลับนี้จึงไม่มีผลและไม่ได้นำมาออกอากาศหมายเหตุ 5: เดิมทีแล้ว เซฟกับจัสตินมาถึงเป็นลำดับที่ 1 แต่พวกเขาทำพาสปอร์ตของเซฟหาย พวกเขาได้รับโอกาสที่จะหาพาสปอร์ตของซี จนกว่าทีมสุดท้ายจะเดินทางมาถึงจุดหยุดพัก และเมื่อมาเรียกับทิฟฟานี่มาถึงจุดหยุดพักแล้ว ทำให้ซีกับจัสตินถูกคัดออกจากการแข่งขันหมายเหตุ 6: ที่สวนน้ำแอตแลนติส ไมก้า ไม่ยอมลื่นสไลต์เดอร์ลงมา ภายในสระน้ำ ทำให้ทีมโดนปรับเวลา 2 ชั่วโมงแต่ไม่ได้ส่งผลต่อลำดับของพวกเขาเนื่องจากอยู่ในลำดับสุดท้ายและถูกคัดออกจากการแข่งขันหมายเหตุ 7: เดิมทีแล้ว ไบรอันกับเอริก้ามาถึงเป็นลำดับที่ 5 แต่ว่าพวกเขาถูกปรับเวลา 30 นาทีเนื่องจากไม่ได้ปั่นจักรยานที่รายการเตรียมไว้ให้สำหรับทางแยก แต่ว่าเดินมาเอง ซึ่งไม่ส่งผลต่อลำดับที่ของพวกเขาหมายเหตุ 8: มาเรียกับทิฟฟานี่ได้ลองทำทางแยกทั้ง 2 อย่าง แต่พวกเธอก็ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้เลย พวกเธอจึงตัดสันใจเลิกทำแล้วถูกปรับเวลาเป็นจำนวน 24 ชั่วโมง ซึ่งพวกเธออยู่ในลำดับสุดท้าย และฟิลก็ได้เดินทางมายังสถานที่ ที่ทำงานทางแยกการเล่นของชาวนาและคัดพวกเธอออกจากการแข่งขันหมายเหตุ 9: เฮเบอร์กับเนท ถูกปรับเวลา 4 ชั่วโมงเนื่องจาก เนท ทำอุปสรรคไม่สำเร็จ ทีมของเขาได้รับแจ้งว่าทุกทีมที่เหลือเข้าเส้นชัยหมดแล้วเมื่อกำลังไปยังสถานที่ต่อไปหลังจากถอดตัวจากการทำอุปสรรคและได้รับแจ้งให้ตรงไปยังจุดพักทันทีหมายเหตุ 10: เลก 1 และ 2 ถูกออกอากาศติดกันยาว 2 ชั่วโมง
ในบางเลก ทางรายการจะมีรางวัลให้กับผู้เข้าแข่งขัน ที่สามารถเข้าเส้นชัยได้เป็นทีมแรก สำหรับแพ็กเกจทัวร์ทั้งหมดสนับสนุนโดยแทรเวโลซิตี้
ซีบีเอสได้โพสต์วีดีโอขนาดสั้นลงบนเว็บไซด์หลังจากออกอากาศตอนนั้นๆ จบแล้วเพื่อให้ดูว่าทีมที่ถูกคัดออกไปแล้ว จะทำอะไรบ้างขณะที่อยู่ที่บ้านพัก โดยฤดูกาลนี้ทีมที่ถูกคัดออกจะถูกส่งไปยังบ้านพักที่ประเทศเวียดนาม
อุปสรรคแรกในการแข่งขันครั้งนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องมาเล่นรูปแบบเกมโชว์ของญี่ปุ่นเรียกว่า "ซูชิรูเล็ต" เมื่อทีมที่แข่งขันทั้งหมดมาถึงสตูดิโอที่ตั้งของงานอุปสรรคแล้ว เจ้าของรายการจะหมุนวงล้อซึ่งมีทั้งหมด 11 แผ่น โดยแบ่งเป็นซูชิ 9 แผ่น และซูชิบอมบ์ (ซูชิประกอบด้วยข้าวโนริและวาซาบิจำนวนมาก) สมาชิกทีมจะต้องรับประทาน สิ่งที่อยู่บริเวณด้านหน้าของพวกเขาเมื่อวงล้อหยุด โดยถ้าเป็นซูชิบอมบ์จะให้เวลารับประทานหมดภายใน 2 นาทีเพื่อได้รับคำใบ้ต่อไป โดยถ้าหากว่าพวกเขาไม่สามารถรับประทานซูชิบอมบ์ให้หมดภายใน 2 นาทีหรือได้รับประทานซูชิธรรมดา พวกเขาจะต้องรอคอยการหมุนรอบต่อไปของวงล้อ
สำหรับงานเพิ่มเติมสำหรับมาเรียกับทิฟฟานี่นั้น พวกเธอจะต้องรวบรวมส่วนผสมสำหรับทำซุปของเวียดนามที่มีชื่อว่า "เฝอ" หรือ "ควัน ธัม เนียม คาราโอเกะ เกียดิน" และหานายท่าเรือเพื่อทำเฝอให้แก่เขาแก่ที่จะได้รับคำใบ้ต่อไป สำหรับงานอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องใช้ธงสองอันนำทางฝูงเป็ดกว่า 150 ตัวออกจากเล้า นำข้ามสะพานและย้อนกลับให้เข้ามาในเล้าอีกรอบภายใน 10 นาที ถ้าหากว่าสมาชิกไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายใน 10 นาที สมาชิกคนนั้นจะต้องละทิ้งและเริ่มใหม่อีกรอบ
เมื่อจบเลกที่ 2 แล้ว เรือบาสแซกจะออกเดินทางจากไก๊แบ่ไปยังหมี่โถ สำหรับทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง เด็กเล่น (Child's Play) และ เล่นคำ (Word Play) โดยทีมที่เลือกเด็กเล่น จะต้องหาร้านที่มีชื่อว่า Nhiep Anh C?ng vi?n Tao ??n Kiosque Giao Anh ใน สวนสาธารณะกงเวียนตาวด่าน (เวียดนาม) เพื่อขนส่งรูปปั้นสัตว์ชนิดต่างๆ ไปยังสนามเด็กเล่น โดยเก็บลูกโป่งให้ครบทั้ง 5 สี (อันได้แก่ แดง ฟ้า ส้ม เขียว และเหลือง) เมื่อทีมนำรูปปั้นมาถึงและเข้าที่แล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกเล่นคำ จะต้องขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้าของโรงแรม แล้วสังเกตตัวอักษรภาษาเวียดนาม ทั้ง 6 ตัว ที่อยู่บริเวณยานพาหนะ ที่ขับเคลื่อนอยู่บริเวณวงเวียน Ng? s?u C?ng Ho? จากนั้นก็นำมาเรียงตัวอักษรให้กลายเป็นคำ ได้คำว่า "??c L?p", ซึ่งแปลว่าอิสรภาพ ก่อนที่ทีมจะแลกคำใบ้จากพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าโรงแรม ส่วนอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องจัดการทุบและดึงฮาร์ดแวร์ของคอมพิวเตอร์ทั้ง 2 เครื่องโดยใช้เครื่องมือที่ทางร้านมีให้เรียบร้อย ก่อนที่ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป
สำหรับทางแยกในเลกนี้ แต่ละทีมจะต้องเลือกระหว่าง ปกคลุม (Cover) และ ห่อหุ้ม (Wrap) โดยทีมที่เลือกปกคลุม จะต้องเดินทางไปยังร้านขายหมวกกันน็อคมอเตอร์ไซด์ ที่สัญลักษณ์เหลือง-แดงแปะอยู่ แล้วนำหมวกกันน็อค 4 อันไปให้แก่ครอบครัวที่มีสมาชิก 4 คน (ผู้ใหญ่ 2 คนและเด็ก 2 คน) เพื่อซื้อหมวกกันน็อคในราคา 10 ดอลลาร์สหรัฐ แล้วนำเงินที่จ่ายมาไปแลกกับเจ้าของร้าน เพื่อรับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกห่อหุ้ม จะต้องเดินทางไปยังร้านค้าหมายเลข 980 & 981 ที่ตลาดรัสเซีย แล้วเจ้าของร้านก็จะมอบผ้าพันคอผ้าไหมให้ โดยทีมจะให้ผู้หญิงที่เดินอยู่ในตลาดที่สวมผ้าพันคอสีเดียวกัน แล้วพาเธอมายังที่ร้าน เพื่อแลกกับคำใบ้ต่อไป สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องแต่งกายเลียนแบบลิง โดยสวมใส่หน้ากากและหาง แล้วกระทำศิลปะการแสดงท้องถิ่นของลิงในการข้ามขอนไม้ทั้งหมด 3 อย่าง เพื่อให้ผู้ร่ายรำรู้สึกพอใจ แล้วมอบคำใบ้ต่อไปให้แก่ทีม
สำหรับทางด่วนเพียงอันเดียวในการแข่งขัน ทีมที่จะทำทางด่วนจะต้องเดินทางไปยังที่สนามแข่งรถดูไบ เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นนักแข่งรถ แล้วให้สมาชิกคนหนึ่งขับรถแข่งรอบสนาม 1 รอบให้ถึงเส้นชัย ภายในเวลา 45 วินาทีหรือน้อยกว่านั้น เมื่อแข่งเสร็จแล้ว ทีมจะถือว่าชนะทางด่วน แล้วจะมีคนขับรถให้ไปยังจุดหยุดพัก สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องเลือกกระเป๋าใส่น้ำท้องถิ่นค้นหาศูนย์อนุรักษ์ทะเลทราย เพื่อนำน้ำที่อยู่ในหม้อ ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในทะเลทรายตักขึ้นมา ใส่กระติกน้ำให้เต็ม แล้วนำไปแลกเพื่อขอคำใบ้จากอาหรับในทะเลทรายและอูฐที่กระหายน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม หม้อบางใบจะไม่มีน้ำอยู่ ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องระหว่าง สร้างตุ๊กตาหิมะ (Build a Snowman) และ หาตุ๊กตาหิมะ (Find a Snowman) โดยทีมที่เลือกสร้างตุ๊กตาหิมะนั้น จะต้องนำหิมะใส่ในรถเข็น แล้วเข็นออกไปยังด้านนอกที่มีอุณหภูมิ 120 องศาฟาเรนไฮด์ (49 องศาเซลเซียส) เพื่อสร้างตุ๊กตาหิมะ แล้วเติมส่วนประกอบต่างๆ ให้ถูกต้องอันได้แก่ ตา จมูกแครอท และหมวก ก่อนที่หิมะจะละลายก่อน แล้วทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกหาตุ๊กตาหิมะ จะต้องนั่งกระเช้าลอยฟ้า ไปยังด้านบนสุดของลานสกี แล้วนำพลั่วมาลื่นลงมา จึงขุดค้นหาพวงกุญแจตุ๊กตาหิมะให้เจอ แล้วนำไปแลกคำใบ้ต่อไปกับตัวมาสคอตที่ใส่ชุดหมีขั้วโลก
สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องเลือกเรือยางที่อยู่บนบก แล้วพายเรือยางไปตามน้ำ ไปยังเรือที่แล่นอยู่ในน้ำ จากนั้นทีมจะได้รับนาฬิกาข้อมือมาจากชาวอาหรับที่อยู่บนเรือ แล้วสมาชิกจะต้องพายเรือกลับขึ้นมาบนฝั่ง แล้วไขรหัสเลข 3 หลักบนกระเป๋าที่ได้รับมาในตอนแรก จากเวลาบนนาฬิกา (รหัสที่ถูกต้องคือ 835) แล้วไขได้แล้ว คำใบ้ต่อไปก็จะอยู่ในกระเป๋า ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างทอง (Gold) และแก้ว (Glass) โดยทีมที่เลือกทอง จะต้องเดินทางไปยังร้านขายทอง แล้วใช้เครื่องชั่ง ชั่งทองให้ได้มูลค่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งทีมจะต้องสังเกตราคาทองต่อกรัมบนจอโทรทัศน์ ซึ่งราคาทองคำจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามราคาตลาดโลก โดยทีมจะต้องทำงานให้เสร็จก่อนที่ราคาทองคำจะเปลี่ยนแปลง แล้วทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากเจ้าของร้าน ส่วนทีมที่เลือกแก้ว จะต้องเดินทางไปยังตลาดขายเครื่องเทศ แล้วทีมจะต้องเปิดกล่อง แล้วหาส่วนประกอบของชิชาภายในกล่องที่เต็มไปด้วยฟาง จำนวน 12 อัน แล้วใช้ทุกส่วนประกอบมาประกอบโดยมีชิชา 3 อันวางอยู่เป็นเครื่องนำทางให้เรียบร้อย ถ้าหากว่าทีมเหลือส่วนประกอบไว้ที่พื้นเพียงชิ้นเดียว ทีมจะไม่สามารถได้รับคำใบ้ต่อไปได้
สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องขึ้นไปบนจุดสูงสุดของโบสถ์มาร์ตินี แล้วทำการนับจำนวนระฆังทั้งหมดในระฆังที่เป็นชุดแล้ว เมื่อทีมตอบจำนวนที่ถูกต้องแล้ว (จำนวนที่ถูกต้องคือ 62 ใบ) แก่คนตีชุดระฆังเป็นท่วงทำนองเพลงแล้ว เขาจะให้คำใบ้ต่อไปแก่สมาชิกในทีม ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างการเล่นของชาวนา (Farmer's Game) และการเต้นของชาวนา (Farmer's Dance) ซึ่งทั้ง 2 ทางแยกนี้ ทีมจะต้องสวมเครื่องแต่งกายชาวดัตช์ โดยมีชาย 1 ชุดและหญิง 1 ชุด เช่นชุด รองเท้าไม้เป็นต้น แล้วจะต้องปั่นจักรยานไปยังสถานที่ทำทางแยก โดยทีมที่เลือกการเล่นของชาวนา จะต้องถอดเครื่องแต่งกายเหลือเพียงกางเกงในหรือลอนจอน แล้วว่ายน้ำข้ามคลองเล็ก เพื่อไปหยิบชุดกอล์ฟของเล่น แล้วตีลูกบอลสีต่างๆ ให้ลงหลุมภายใน 8 ครั้งทั้งหมด 3 หลุม เมื่อทีมตีกอล์ฟลงหลุมครบแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกการเต้นของชาวนา จะต้องหาสถานที่จัดงานเทศกาล แล้วให้สมาชิกคนหนึ่งตีลูกให้ขึ้นไปสั่นกระดิ่ง ถ้าหากทีมไม่สามารถตีลูกให้สั่นกระดิ่งได้ ทีมจะต้องลองทำจนกว่าจะสามารถตีสั่นกระดิ่ง จากนั้น ทีมจะต้องเข้าไปในลานการเต้น แล้วร้วมเรียนรู้การเต้นท้องถิ่นแบบโฟล์คแดนซ์ แล้วทีมจะต้องลองเต้นท่ามกลางฝูงผู้คน หลังจากการเต้นแล้ว สมาชิกแต่ละคนในทีมจะต้องรับประทานปลาทะเลดองย่างเกลือกับหัวหอมคนละตัว เมื่อทีมรับประทานเสร็จแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป
สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ จัดเป็นสวิตซ์แบคของงานอุปสรรคอย่างมีชื่อเสียงในทางไม่ดี (การมาทำงานอุปสรรคอันก่อนของรายการดิ อะเมซิ่ง เรซ) จากเลก 3 ที่สวีเดนของดิ อะเมซิ่ง เรซ 6 นั่นเอง โดยในฤดูกาลที่ 6 จะแตกต่างเล็กน้อยโดยมีม้วนฟางอยู่ 270 กองแต่มีคำใบ้อยู่ 20 อันแต่ในเลกนี้จะมีม้วนฟางอยู่ 186 กองและมีคำใบ้อยู่ 7 อัน ซึ่งสมาชิกที่ทำอุปสรรค จะต้องแกะตาข่ายที่พันรอบม้วนฟาง แล้วกลิ้งม้วนฟางที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่ 186 อัน เพื่อค้นหาธงสีเหลือง-แดงที่ซ่อนอยู่ 1 ใน 7 อันจาก 186 ม้วนฟาง (สำหรับในฤดูกาลที่ 6 นั้น มีคู่พี่น้องสาว ลีน่ากับคริสตี้ใช้เวลาในการหาคำใบ้ร่วมกว่า 10 ชั่วโมง) ก่อนที่จะเดินไปเข้าจุดหยุดพักในบริเวณใกล้เคียง ที่มีวงดนตรีท้องถื่นเล่นอยู่ ส่วนทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างไดนาไมต์ของโนเบล (Nobel Dynamite) กับตัวอักษรของไวกิ้ง (Viking Alphabet) โดยทีมที่เลือกไดมาไมต์ของโนเบล จะต้องเดินทางมายังเหมืองหินที่สค็อกลูซเซอร์ แล้วสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันตัวให้เรียบร้อย (แว่นตานิรภัย หมวกนิรภัยและที่อุดหู) จากนั้นก็ขุดดินใส่เข้าในถุงแล้วก่อเป็นชั้นๆ เพื่อทำเป็นเกราะป้องกันตัวให้ตัวเอง แล้วจึงทำการระเบิดด้วยระเบิดไดนาไมต์ ที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยอัลเฟรด โนเบล แล้วเดินไปยังบริเวณที่มีการระเบิด โดยจะพบเศษหินเศษปูน แล้วในบริเวณนั้นจะมีกล่องเหล็กที่บรรจุคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกตัวอักษรของไวกิ้ง จะต้องแปลรหัสข้อความบนหินรูที่เป็นภาษาไวกิ้ง ซึ่งสามารถแปลความไดว่า "ค้นหาชาวไวกิ้งที่ทรงพลัง" เพื่อได้รับคำใบ้ต่อไปของพวกเขา
สำหรับงานเพิ่มเติมของแกรี่และแมทนั้น พวกเขาจะต้องหารถซาวน่าเคลื่อนที่ที่จอดอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และอบซาวน่าไอน้ำเป็นระยะเวลา 5 นาทีกับคนท้องถิ่น ในทางแยกของเลกนี้นั้น ทีมจะต้องเลือกระหว่างเสิร์ฟ (Serve) กับสลิง (Sling) โดยทีมที่เลือกเสิร์ฟนั้น จะต้องเปลี่ยนชุเป็นชุดชั้นใน แล้วเลือกคู่ทีมชาย-หญิงที่สวมชุดว่ายน้ำมา 1 คู่ แล้วทำการแข่งขันเกมวอลเลย์บอลในโคลน เมื่อทีมทำคะแนนได้ 5 คะแนนในการแข่งขันกับท้องถิ่นแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป ส่วนทีมที่เลือกสลิงนั้น ทีมจะต้องสวมรองเท้าลุยโคลน แล้วเดินข้ามโคลน จากนั้นก็ใช้หนังสติ๊กยิงลูกผลไม้ให้โดนป้ายกวางมูซ เมื่อยิงโดนแล้วแผ่นกระดานที่ปิดกองกะหล่ำปลีก็จะหล่นลงมาพร้อมกับซองคำใบ้ต่อไป ส่วนอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องเดินเข้าไปในโบสถ์ แล้วขอเชิงเทียนจากผู้คนที่กำลังร่วมพิธีทางศาสนาอยู่ ซึ่งในเชิงเทียนนั้นก็จะมีหมายเลขห้องติดอยู่ด้วย แล้วสมาชิกจะต้องหาห้องหมายเลขนั้น โดยจะมีคนเฝ้าอยู่พร้อมกับม้วนกระดาษ 1 ม้วน จากนั้นสมาชิกจะต้องไขปริศนาเพื่อสืบหาข้อความที่อยู่ในม้วนกระดาษ โดยใช้ไฟจากเชิงเทียนเผากระดาษ จนเกิดคำใบ้ว่า Pikk Hermann Tower Garden
สำหรับทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่าง เร็วและใจร้อน (Fast & Furious) กับ ช้าและใจเย็น (Slow & Steady) โดยทีมที่เลือกเร็วและใจร้อน จะต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดรัดรูปและสวมหมวกกันน็อก แล้วทำการเรียนการฝึกพายเรือพายัคอย่างมืออาชีพ โดยร่วมกันพายเรือคายัคไปตามสายน้ำเชี่ยวกราด แล้วพายเรือหลบหลีกเสาอันเป็นอุปสรรคในการพายเรือ ไปยังจุดที่มีธงสีเหลือง-แดงแขวนอยู่ ในกรณีที่ทีมทำเรือคว่ำก่อน ทีมจะต้องขึ้นมาบนฝั่ง แล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ ส่วนทีมที่เลือกช้าและใจเย็น จะต้องห้อยโหนสลิงลอยฟ้า แล้วใช้มือเคลื่อนไปตามเส้นสลิงเพื่อให้ถึงบริเวณที่มีธงแขวนอยู่ ซึ่งบริเวณของธงทั้ง 2 ทางแยกจะเท่ากัน ส่วนอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องค้นหาเครื่องดนตรีแมนโดลิน ในเก้าอี้ที่นั่งของโรงละครการแสดงเอสเตท ซึ่งเป็นที่ที่ทำการแสดงครั้งแรกของโวล์ฟกัง อะมาเดอุส โมซาร์ทกว่า 6000 ตัว ซึ่งจะมีเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆถูกซ่อนเป็นตัวลวงแก่สมาชิกอีกด้วย โดยเมื่อสมาชิกค้นพบแล้ว เขาหรือเธอจะต้องหานักร้องโอเปร่าชาย (ดอน โจวานนี) ที่ทำการร้องเพลงอยู่บนเวที เพื่อขอแลกคำใบ้ต่อไปจากเขา
สำหรับอุปสรรคของเลกนี้ สมาชิกที่ำทำอุปสรรคจะต้องค้นหาตัวอักษรภาษาอังกฤษ จากการรับเครื่องโทรศัพท์ในหอกว้างใหญ่ เมื่อสมาชิกรับโทรศัพท์เครื่องที่ถูกต้องแล้ว สมาชิกจะได้รับตัวอักษรจากผู้คนที่พูดผ่านสายมา เมื่อสมาชิกได้รับตัวอักษรครบแล้ว จากนั้นสมาชิกจะต้องเข้าไปในห้องของผู้ควบคุมดูแลสถานที่ เพื่อเรียงตัวอักษรลงในแบบสอบถามประวัติส่วนตัวด้านล่างสุด ที่มีช่องสี่เหลี่ยมใหญ่ 5 ช่องใหญ่ ให้ได้คำว่า FRANZ ซึ่งมาจากฟรานซ์ คาฟคา นักเขียนชาวยิว เมื่อสมาชิกเรียงถูกต้องแล้ว ผู้ดูแลจะประทับตราให้ว่า Kafka แล้วมอบคำใบ้ต่อไปแก่สมาชิก แต่ถ้าเรียงผิด ผู้ดูแลจะประทับตรากากบาทสีแดงแล้วมอบแบบสอบถามใหม่ให้ ส่วนงานเพิมเติมของไบรอันกับเอริก้านั้น พวกเขาจะต้องหาร้านที่ชื่อว่า M1 Lounge เพื่อทำการเตรียมและดื่ม Absinthe ซึ่งเป็นเครื่องดื่มท้องถิ่นที่ผสมแอลกอฮอล์ 70% กับพืชสมุนไพรหลายชนิดให้หมด 1 แก้วจึงจะได้รับอนุญาตให้สามารถทำการแข่งขันต่อไปได้ และทางแยกของเลกนี้ ทีมจะต้องเลือกระหว่างตำนาน (Legend) กับลาเกอร์ (Lager) โดยทีมที่เลือกตำนานจะต้องทาโคลนให้กับรูปปั้นโกเลมให้ทั่วตัว แล้วขนรูปปั้นนี้ไปยังโบสถ์ของศาสนายิวที่เก่าแก่ที่สุดในทวีปยุโรป เมื่อคนที่ยืนรอหน้าโบสถ์พึงพอใจกับผลงานของทีม เขาจะมอบคำใบ้ต่อไปให้แก่ทีม ส่วนทีมที่เลือกลาเกอร์จะต้องนำแก้วเบียร์ 30 แก้วจากโรงเหล้า Pivovar a Restaurace "U Flek?" ไปตามเมืองอันสับสนวุ่นวายยังร้านบาร์ชื่อว่า Restaurace Kozi?ka เมื่อทีมนำมาครบแล้ว ทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไป
สำหรับอุปสรรคสุดท้ายในการแข่งขันนี้ สมาชิกที่ทำอุปสรรคจะต้องไต่เชือกลงมาจาก ชั้นดาดฟ้าของโรงแรมมันฑะเลเบย์ ซึ่งเป็นโรงแรมที่สูงที่สุดในโลก โดยหันหน้าลงสู่พื้นดิน แล้วทีมจะได้รับคำใบ้ต่อไปจากผู้ควบคุมเชือกด้านล่าง